เครื่องมือ ADX คือ ?
Average Directional Index หรือ ADX คือ เครื่องมือ Technical Indicator ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย รวมถึงถูกติดตั้งอยู่ใน MT4/MT5 แพลตฟอร์ม โดย ADX ถูกคิดค้นขึ้นมาโดยวิศกรชาวอเมริกัน J. Welles Wilder Jr ที่ได้คิดค้นอินดิเคเตอร์ชื่อดังอื่นๆอย่างเช่น RSI และ Parabolic SAR เป็นต้น โดย ADX ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อวัด “ความแข็งแกร่งของแนวโน้ม (Trend)” ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มขาขึ้น หรือ แนวโน้มขาลง นอกเหนือไปกว่านั้น ADX ยังสามารถใช้ใช้วิเคราะห์ได้กับทุกตลาดอีกด้วย
Highlights
- ADX ถูกพัฒนาออกแบบโดย Welles Wilder วิศกรชาวอเมริกัน โดยปัจจุบัน ADX ถูกใช้ในหลายตลาดอย่างแพร่หลายเพื่อดูความแข็งแกร่งของแนวโน้ม (Trend)
- ค่า ADX ที่สูงกว่า 25 แปลว่าเทรนด์แข็งแกร่ง; ค่า ADX ที่ต่ำกว่า 20 แสดงถึงความอ่อนแอของเทรนด์
- ในกรณีที่ราคาเคลื่อนไหวอยู่ แต่ ADX ไม่สามารถจับเทรนด์ได้นั้น อาจไม่ได้แปลว่า “ไม่มีเทรนด์อยู่” แต่อาจเป็นเพราะว่าราคาผันผวนเกินกว่าจะมีทิศทางที่ชัดเจนได้
การทำงานของ ADX ?
เครื่องมือ ADX ถูกพัฒนามาจากการนำอินดิเคเตอร์สองตัวที่มีชื่อว่า Positive Directional Index (+DI) และ Negative Directional Index (-DI) ไปรวมกัน จากนั้นนำไปคำนวณร่วมกับส่วนประกอบใหม่ของ ADX นั่นคือ 1.) Directional Movement (DM) และ 2.) True Range (TR) เพื่อหาค่า ADX ออกมา
Directional Indicator (+DI และ -DI)
Directional Indicator คือ อินดิเคเตอร์ที่ใช้วัดทิศทางของเทรนด์ โดยจะแบ่งออกเป็น 2 ตัวคือ
- +DI ใช้สำหรับการวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม “ขาขึ้น” โดยจะพิจารณาจากแท่งเทียนที่ “ปิดบวก” ว่าเทรนด์ขาขึ้น (Bullish) มีความแข็งแกร่งแค่ไหนเมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้า
- -DI ใช้สำหรับการวัดความแข็งแกร่งของแนวโน้ม “ขาลง” โดยจะพิจารณาจากแท่งเทียนที่ “ปิดลบ” ว่าเทรนด์ขาลง (Bearish) มีความแข็งแกร่งแค่ไหนเมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้า
ซึ่งทั้งสองสูตรนี้ใช้สูตรเดียวกัน โดยการนำ ราคาสูงสุดของวันปัจจุบันไปเปรียบเทียบกับราคาสูงสุดของวันก่อนหน้า และ ราคาต่ำสุดของวันปัจจุบันไปเปรียบเทียบกับราคาต่ำสุดของวันก่อนหน้า นอกจากนี้ยังต้องนำค่า +DI และ -DI นั้นไป smooth ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง โดยใช้ Wilder’s Smoothing Technique
Directional Movement (DM)
Directional Movement หรือ DM คือ ส่วนต่างระหว่าง จุดสูงสุดของราคาวันนี้และจุดสูงสุดของราคาเมื่อวาน ถ้าได้ค่าออกมาเป็น “บวก” หมายความว่าจุดสูงสุดของวันนี้มากกว่าเมื่อวาน ในทางตรงกันข้าม หากค่าเป็น “ลบ” นั่นแปลว่า จุดสูงสุดของราคาวันนี้น้อยกว่าเมื่อวานนั่นเอง
True Range (TR)
TR คือ การหาจุดสูงสุดจากสามสิ่งนี้
- จุดสูงสุดของราคาปัจจุบัน ลบ จุดต่ำสุดของราคาปัจจุบัน
- ค่าสัมบูรณ์ (Absolute Value) ของจุดสูงสุดของราคาปัจจุบัน ลบ ราคาปิดก่อนหน้า
- ค่าสัมบูรณ์ (Absolute Value) ของจุดต่ำสุดของราคาปัจจุบัน ลบ ราคาปิดก่อนหน้า
คำนวณ ADX
ADX จะถูกคำนวณโดยการหาค่าเฉลี่ยของส่วนต่างระหว่าง +DI และ -DI ที่ผ่าน smoothing มาแล้ว โดยส่วนต่างนี้จะถูกใช้ค่าสัมบูรณ์ของผลลัพธ์
การใช้เครื่องมือ ADX ในการวิเคราะห์เชิงเทคนิค
และเนื่องจากการเทรดโดยใช้ เครื่องมือ ADX นั้น เป็นการเทรดโดยดูเทรนด์ หรือ เทรดตามแนวโน้มหลักนั่นเอง ดังนั้นสำหรับเทรดเดอร์สาย “Scalping” อาจจะไม่นิยมใช้อินดิเคเตอร์ตัวนี้ซักเท่าไหร่ แต่จะเป็นที่นิยมในเทรดเดอร์ที่เล่นยาว หรือเทรนเดอร์สาย “รันเทรนด์” นั่นเอง
การอ่านความแข็งแรงของเทรนด์จาก ADX สามารถตีความได้ดังนี้
a.) ค่า ADX ที่มากกว่า 25 แปลว่า เทรนด์นั้นมีความแข็งแรง
b.) ค่า ADX ที่น้อยกว่า 25 หมายถึงเทรนด์ที่ไม่แข็งแรง หรือไม่มีเทรนด์นั่นเอง ซึ่งอาจจะเป็นโซนที่อยู่ในกรอบสะสมหรือโซนที่มีแนวโนวโน้มออกข้างเป็น Sideway นั่นเอง
โดยในช่วงที่ค่า ADX อยู่ในค่าระหว่าง 20 – 25 จะเป็นช่วงที่เทรดเดอร์จะลุ้นว่าเทรนด์จะแข็งแกร่งยืนเหนือค่า 25 และสามารถเข้าเทรดได้หรือไม่ โดยหากค่า ADX สูงกว่า 25 เทรดเดอร์สาย “ตามเทรนด์” หรือ Trend Follow” ก็จะทำการเปิด Position เข้าเทรด
ตัวอย่าง: จากภาพด้านบน ADX ที่มีค่าสูงกว่า 25 นั้นกำลังบ่งบอกถึงแนวโน้มที่ “แข็งแกร่ง” เมื่อเห็นว่าเทรนด์เป็นขาขึ้น จึงสามารถเทรด “ตามเทรนด์” ด้วยการเข้า Buy/Long ได้
สรุป
Average Directional Index หรือ ADX คือ หนึ่งในอินดิเคเตอร์ที่จะช่วยจับ “Trend” ได้ ซึ่งจะช่วยสามารถวิเคราะห์ได้ว่าสภาวะตลาดตอนนี้มีแนวโน้มที่แข็งแกร่งหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การใช้ ADX เพียงอย่างเดียวอาจจะยังไม่เพียงพอต่อการสร้างระบบหรือการวางกลยุทธ์สำหรับการเทรดถ้าหากคุณยังไม่รู้จักการจำกัดความเสี่ยง เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญมากกว่าเครื่องมือเทรด และเป็นสิ่งที่เทรดเดอร์ควรมีก็คือ กลยุทธ์การจำกัดความเสี่ยง เพื่อประสบความสำเร็จจากการเทรดในระยะยาว