...

ทฤษฎี Wyckoff Logic คู่มือสำหรับการตีความตลาด

Table of Contents

ทฤษฎี Wyckoff Logic คู่มือสำหรับการตีความตลาด

ทฤษฎี Wyckoff Logic คือ หนึ่งในวิธีการวิเคราะห์ปัจจัยทางเทคนิค ที่ถูกพัฒนาและค้นพบขึ้นมาในต้นศตวรรษที่ 20 โดย Richard Wyckoff นักลงทุนชาวอเมริกันที่ประสบความสำเร็จจากการเทรดโดยใช้ Technical Analysis ซึ่งหลักการ Wyckoff นั้นเป็นวิธีการที่นำมาใช้เพื่อสังเกตพฤติกรรมของผู้คนในตลาดผ่านกราฟราคา วิธีการนี้ใช้ความสัมพันธ์ระหว่างสามข้อมูล คือ ราคา ปริมาณการซื้อ-ขาย และ เวลา เพื่อระบุแนวโน้ม รูปแบบ (Patterns) และ การเคลื่อนไหวของตลาดที่มีโอกาสเป็นไปได้ ในบทความนี้ เราจะมาเจาะรายละเอียดเพิ่มเติมแบบฉบับเบื้องต้นว่า Wyckoff Logic นี้ทำงานอย่างไร และ เทรดเดอร์จะสามารถนำมันมาใช้อย่างไรได้บ้างเพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจในการเทรด

Richard Wyckoff – Source: Wyckoff Analytics

ทฤษฎี Wyckoff Logic คือ อะไร หลักสำคัญมีอะไรบ้าง?

Wyckoff Logic คือ วิธีการวิเคราะห์ตลาดที่โฟกัสกับพฤติกรรมของผู้คนในตลาดเป็นหลัก หลักการนี้นั้นขึ้นอยู่กับการกระทำของผู้คนในตลาดที่จะเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงทิศทางของตลาด วิธีการนี้รวบรวมการวิเคราะห์ของความสัมพันธ์ของสามปัจจัยหลัก ราคา ปริมาณซื้อ-ขาย และ เวลาเข้าด้วยกัน

Wyckoff Logic นั้นมีสามหลักการหลักคือ

1) Supply and Demand (อุปสงค์ และ อุปทาน หรือ ความต้องการซื้อ และ ความต้องการขาย)

หลักการ อุปสงค์ และ อุปทาน คือ หัวใจหลักของ Wyckoff Logic หลักการนี้ได้ระบุไว้ว่าราคาของสินทรัพย์นั้นได้ถูกกำหนดไว้โดยความสมดุลระหว่าง อุปสงค์ และ อุปทานของสินทรัพย์นั้นๆ ซึ่งหมายความว่าถ้าหากเมื่อไรมีอุปสงค์มากกว่าอุปทาน ราคาก็จะปรับตัวสูงขึ้น และ เมื่อไรที่อุปทานนั้นมากกว่าอุปสงค์ ราคาก็จะปรับตัวลดลง

2) The Law of Cause and Effect (กฎของเหตุ และ ผล)

กฎของเหตุและผลได้ระบุไว้ว่า ทุกๆการเคลื่อนไหวของตลาดนั้นมีเหตุอยู่เสมอ และ เหตุนั้นๆ สามารถถูกวิเคราะห์ได้จาก ราคา ปริมาณซื้อ-ขาย และ เวลา

3) Effort Versus Result (ความพยายามเทียบกับผลลัพธ์)

หลักการนี้กล่าวว่าความพยายามที่ถูกใส่เข้ามาในตลาดโดยผู้คนนั้นย่อมจะสะท้อนถึงผลลัพธ์ หรือ การเคลื่อนไหวของตลาด ดังนั้น การวิเคราะห์ความพยายามที่ถูกใส่เข้ามาในตลาด สามารถทำให้เราคาดการณ์ถึงการเคลื่อนที่ของตลาดได้

วัฏจักรของตลาด โดย Wyckoff Logic

Wyckoff Logic ได้นำเครื่องมือและกระบวนการต่างๆ เช่น กราฟ และ สัญญาณ indicator ต่างๆ มารวมกันเพื่อใช้วิเคราะห์ แนวโน้ม รูปแบบราคา (Price Patterns) ในการคาดการณ์ การเคลื่อนไหวของราคา ซึ่ง Wyckoff Logic ได้แบ่งวัฏจักรของตลาดออกมาเป็น 4 ช่วงใหญ่ๆดังนี้

วัฏจักรของตลาด โดย Wyckoff Logic

1) Accumulation (ช่วงสะสม)

ระยะการสะสมนี้คือ ช่วงแรกของการเคลื่อนไหวของตลาดสำหรับ Wyckoff Logic และ ช่วง Accumulation จะมีลักษณะเป็นการสะสมหรือรวบรวมพลังในระยะเวลานึง หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Sideway เก็บของ ซึ่งเป็นช่วงที่จะมีการเคลื่อนไหวทางราคาที่อยู่ในระยะหรือกรอบที่ชัดเจน ลักษณะนี้เกิดขึ้นจากการที่เจ้ามือ (Smart Money) นั้นเข้ามาทยอยซื้อหรือสะสมทรัพย์สินนั้นอยู่ ซึ่งปริมาณการซื้อขายในช่วงนี้จะมีประมาณที่ต่ำอยู่

Wyckoff Accumulation Phase

2) Markup (ช่วงทำราคา)

ระยะที่ถัดจากการสะสมนั้นก็คือช่วงทำราคา ซึ่งการเคลื่อนไหวทางราคาในช่วงนี้จะมีลักษณะแบบปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ นั้นหมายความว่ามีผู้คนรวมถึงเจ้ามือด้วยเช่นกันที่เข้ามาทำการซื้อเพิ่มจึงทำให้ราคาสามารถปรับตัวขึ้นไปได้เรื่อยๆ และ ปริมาณการซื้อขายในช่วงนี้ก็จะมีปริมาณที่สูง

Wyckoff Markup Phase

3) Distribution (ช่วงกระจายของ)

เมื่อได้มีการทำราคาขึ้นมาแล้วก็ต้องมาจบที่การขายของออก ซึ่งการเคลื่อนที่ของราคาในช่วงนี้จะมีลักษณะคล้ายกับช่วงแรกของการสะสม หมายความว่า ราคาก็จะเคลื่อนที่อยู่ในกรอบที่ชัดเจน และ เป็นช่วงที่เจ้ามือนั้นกำลังทยอยขายของที่สะสมและทำราคาขึ้นมาออก ปริมาณการซื้อขายในช่วงนี้ก็จะต่ำ

Wyckoff Distribution Phase

4) Markdown (ช่วงลง)

Markdown คือระยะสุดท้ายของ Wyckoff Logic ซึ่งเป็นช่วงที่ราคาจะลดลงมาจากจุดสูงสุด ซึ่งเป็นช่วงที่ทุกคนในตลาดขายของทิ้งกันออกมา จึงทำให้ปริมาณการซื้อขายในช่วงนี้สูง

ทฤษฏี Wyckoff Logic Markdown Phase

วิธีการใช้ Wyckoff Logic

Wyckoff Logic เป็นทฤษฎีที่ให้ความสำคัญวัฏจักรของตลาดในภาพใหญ่ และ ก็ยังมีหลักการจากหลากหลายทฤษฎีที่เป็นส่วนประกอบของการวิเคราะห์แนวโน้มของตลาดด้วยหลักการ Wyckoff ซึ่งตัวอย่างทฤษฎีหลักๆที่ต้องใช้ร่วมกับWyckoff Logic นั้นมีดังนี้

แนวรับ และ แนวต้าน (Support and Resistance)

เทรดเดอร์ใช้ หลักการของแนวรับ/แนวต้าน เพื่อกำหนดแผนการเทรด เช่น จุดเข้า และ จุดออก

ปริมาณการซื้อ-ขาย (Volume)

ปริมาณการซื้อ-ขาย คือ หนึ่งในปัจจัยหลักของ Wyckoff Logic ซึ่งสามารถนำมาช่วยวิเคราะห์ หรือ ยืนยันถึง ความแข็งแรงของแนวโน้ม หรือ การกลับตัวที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยการนำปริมาณ ซื้อ-ขาย มาช่วยกำหนดว่า แรงซื้อ และ แรงขาย นั้นเพิ่มขึ้นหรือลดลงอย่างไร

รูปแบบราคา (Price Patterns)

รูปแบบของราคาสามารถนำมาช่วยกำหนดว่าแนวโน้มจะไปในทิศทางเดิมต่อ หรือ มีแนวโน้มที่จะเกิดกลับตัว

อารมณ์ของตลาด (Market Sentiment or Market Phase)

ตามที่กล่าวไปเบื้องต้นเกี่ยวกับวัฏจักรของตลาด การเข้าใจภาพใหญ่ของพฤติกรรมของราคานั้นสามารถช่วยเพิ่มศักยภาพในการเทรดได้

การจำกัดความเสี่ยง (Risk Management)

ทฤษฎีสุดท้ายนี้ควรนำไปใช้กับทุกหลักการของการวิเคราะห์สภาพตลาด ซึ่งจริงๆแล้วการจำกัดความเสี่ยงนั้นไม่ใช่ทฤษฎีที่ซับซ้อน แต่อาจจะต้องใช้วินัยและประสบการณ์เพื่อนำมาทำเป็นแผนการเทรดที่รัดกุม ซึ่งการจำกัดความเสี่ยงของแผนการเทรดนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะระบุว่าเทรดเดอร์ควรต้องทำอย่างไรหากตลาดเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ตรงกันข้ามกับมุมมองของเรา

ข้อดีและข้อเสียของ Wyckoff Logic

ไม่มีทฤษฎีหรือวิธีการไหนเป็นวิธีการที่ดีที่สุด ต่างวิธีก็ต่างมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน เพราะฉนั้นเทรดเดอร์ควรศึกษาให้เข้าใจอย่างลึกซึ้งเพื่อจะเลือกวิธีการนั้นๆไปประยุกต์เป็นแผนการเทรดในขั้นต่อไป ซึ่งเราได้รวบรวมจุดเด่นจุดด้อยในการนำ Wyckoff Logic มาใช้งานดังนี้:

ข้อดี ของ Wyckoff Logic

  • สามารถใช้ได้กับทุกประเภทตลาดการเงิน เช่น ค่าเงิน หุ้น โภคภัณฑ์ และ คริปโต
  • แบ่งช่วงของตลาดในภาพใหญ่ได้อย่างชัดเจน สำหรับการตีความจากจิตวิทยาและพฤติกรรมของมวลชนในตลาด
  • โฟกัสที่ Volume: ในการใช้ Wyckoff logic นั้น จะนำ Volume มาเป็นหนึ่งในเกณฑ์การตัดสินใจด้วย ซึ่งการใช้ Volume จะสามารถเห็นถึงพฤติกรรมการของตลาดได้ดี
  • โฟกัสที่ Risk Management: วิธีการคิดตามหลัก Wyckoff ยังเน้นความสำคัญของการจัดการความเสี่ยงในการเทรดอีกด้วย โดยการระบุระดับแนวรับแนวต้านที่เป็นไปได้ ซึ่งเทรดเดอร์สามารถกำหนด Stoploss เพื่อจำกัดความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นในกรณีที่ตลาดเคลื่อนที่ตรงข้ามกับทิศทางที่ตั้งไว้ได้

ข้อเสีย ของ Wyckoff Logic

  • เป็นทฤษฎีที่มีความละเอียดมากๆ ถ้าหากจะเข้าใจหลักการแบบถ่องแท้ จำเป็นต้องใช้ความพยายามและเวลานานอาจถึงขั้นเดือน หรือปีกว่าที่จะเข้าใจแบบลึกซึ้ง
  • Wyckoff สามารถตีความได้หลากหลายขึ้นอยู่กับมุมมองหรือประสบการณ์ของตัวบุคคลนั้นๆ ซึ่งหมายความว่าหลายๆคนที่ศึกษาทฤษฎีมาก็อาจจะมีมุมมองที่แตกต่างกัน บนกราฟเดียวกัน

บทสรุป

โดยสรุป Wyckoff Logic เป็นอีกหนึ่งวิธีการที่ทรงพลังสำหรับเทรดเดอร์ในการวิเคราะห์ภาพรวมของตลาดเพื่อที่จะใช้วิเคราะห์สภาวะตลาดได้ อย่างไรก็ตามทุกๆทฤษฎีนั้นก็ต่างมีข้อดี และ ข้อเสีย ซึ่งบทความนี้เป็นเพียงการแนะนำทฤษฎี Wyckoff แบบเบื้องต้น หากเทรดเดอร์สนใจในหลักการนี้ควรจะไปศึกษาทฤษฎีนี้เพิ่มเติมจากบทความนี้ เพื่อความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง

Seraphinite AcceleratorOptimized by Seraphinite Accelerator
Turns on site high speed to be attractive for people and search engines.