MetaTrader 4 (MT4) และ MetaTrader 5 (MT5) คือ หนึ่งในโปรแกรมการเทรดที่ได้รับความนิยมมากที่สุดที่เทรดโดยเทรดเดอร์กว่าล้านคนทั่วโลก โดย MT4 และ MT5 ถูกพัฒนาโดยบริษัท MetaQuotes Software Corp ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้พัฒนาแอปพลิเคชันซอฟต์แวร์ชั้นนำสำหรับ Broker ธนาคาร และ Exchange
MT4
MetaTrader 4 ถูกพัฒนาและนำออกมาใช้งานในปี 2005 โดยภายหลังได้รับความนิยมมากและกลายมาเป็นมาตรฐานสำหรับแพลตฟอร์มการซื้อขาย Forex ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมโบรกเกอร์ Forex หลายที่ จะต้องสามารถเทรดผ่าน MT4 ได้
คุณสมบัติหลักของ MT4
- ความคล่องตัวในการซื้อขาย
ด้วยคำสั่งซื้อขายล่วงหน้า 6 ประเภทและการดำเนินการคำสั่งซื้อขาย 2 ประเภท ได้แก่ การดำเนินการทันที (Instant Execution) และการดำเนินการด้วยราคาตลาด(Market Execution)
- เครื่องมือการวิเคราะห์
อินดิเคเตอร์ภายในโปรแกรม 30 รายการ นอกจากนี้ยังมีเครื่องมืออื่นๆ เช่น Trailing Stop และสัญญาณการเทรดในแพลตฟอร์มบนเครื่องคอมพิวเตอร์
- เทรดอัติโนมัติ
สามารถสร้างระบบเทรดอัตโนมัติและสคริปต์ของตนเองโดยใช้ MetaQuotes Language 4 (MQL4) หรือนำระบบเทรดอัตโนมัติใหม่เข้ามาได้อย่างง่ายดาย
MT5
ผ่านไป 5 ปี ในปี 2010 MetaQuotes ก็ได้พัฒนาโปรแกรมและปล่อย MetaTrader 5 ออกมา และเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและฟังก์ชันที่หลากหลายมาขึ้นให้กับเทรดเดอร์ Forex แพลตฟอร์มนี้จึงได้รับการออกแบบโดยใช้ภาษาโปรแกรมเฉพาะที่เรียกว่า MQL5 ซึ่งต่างจากภาษา Code ของ MT4 ที่ใช้ MQL4
คุณสมบัติหลักของ MT5
- การทำ Hedging
สามารถเทรดด้วยการ Hedging คือเปิดสถานะหลายสถานะได้ภายในเครื่องมือการซื้อขายหนึ่งๆ ซึ่งรวมทั้งการเปิดสถานะตรงข้ามกันด้วย
- เครื่องมือการวิเคราะห์
อินดิเคเตอร์ภายในโปรแกรม 38 รายการ พร้อมเครื่องมือวิเคราะห์ 22 รายการ และวัตถุกราฟิก 46 รายการ นอกจากนี้ใน MT5 ยังมีเครื่องมือวิเคราะห์ปัจจัยทางพื้นฐานอย่างปฏิทินเศรษฐกิจที่ถูกติดตั้งพร้อมใช้งานที่จะช่วยแจ้งข่าวที่จะส่งผลกระทบต่อสกุลเงินที่จะได้รับผลกระทบ
- เทรดอัติโนมัติ
สามารถสร้างระบบเทรดอัตโนมัติและสคริปต์ของตนเองโดยใช้ MetaQuotes Language 5 (MQL5) ที่ถูกพัฒนาให้เพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานได้มากกว่า MT4
เปรียบเทียบ MT4 & MT5 ใช้อันไหนดี ?
เมื่ออ่านมาถึงจุดนี้ จึงจะเห็นได้ว่า ภายในระยะเวลา 5 ปีนั้น โบรกหลายๆแห่งและตัวเทรดเดอร์เอง ก็ได้ชินกับใช้งาน MT4 กันอย่างแพร่หลายแล้ว ดังนั้นในการที่จะเปลี่ยนไปใช้งาน MT5 จึงไม่ได้นิยมกันเท่าไหร่ แม้ว่าในตัว MT5 นั้น ข้อได้เปรียบที่สำคัญของการเทรดภายใต้เวอร์ชันที่ปรับปรุงแล้วคือได้เทรดในผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายมากขึ้น ดังนั้นหากจะถามว่า ใช้อันไหนดีกว่ากัน จึงไม่มีคำตอบที่ตายตัวให้ โดย Account ของแต่ละโบรก ก็จะมีข้อกำจัดไม่เหมือนกัน บางโบรกอาจจะเทรดได้ทั้งใน MT4 และ MT5 ในขณะที่บางโบรกจะเทรดได้ผ่าน MT4 เท่านั้น
ทั้งโปรแกรม MT4 และ MT5 รองรับ Window, Mac, Android และ IOS โดยสามารถ Download ได้จากโบรกเกอร์ที่คุณมีบัญชีเทรด หรือ ที่ https://www.metaquotes.net
การใช้งานเบื้องต้น
โดยปกติแล้ว ในการเข้าใช้งาน MT4 หรือ MT5 นั้น เทรดเดอร์จะต้องมีบัญชีเทรดกับโบรกที่รองรับการเทรดด้วยโปรแกรม MetaQuotes โดยหากคุณยังไม่มีบัญชี สามารถเปรียบเทียบเพื่อเลือกโบรกที่เหมาพสมกับคุณได้ >> ที่นี่ <<
Login
เมื่อสมัครบัญชีเทรดกับโบรกเกอร์แล้ว ก็สามารถ Log-in เข้าใช้งานได้โดยใส่ข้อมูลดังนี้
- Login: กรอกเลขบัญชีเทรด
- Password: กรอกรหัสผ่านที่ได้เซตไว้ โดยในส่วนนี้ รหัสจะถูกแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ
- รหัสผ่านคุณเอง ซึ่งจะสามารถเทรดได้
- รหัสผ่านสำหรับดูเท่านั้น ไม่สามารถเทรดได้
- ในกรณีการเปิดบัญชีปกติแล้วตั้งรหัสผ่านทั่วไป จะเป็นรหัสในข้อ a. โดยรหัสผ่านในข้อ b. นั้นจะไว้สำหรับดูเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่น นายโจ เป็นเจ้าของบัญชี จะให้นางเจนมาศึกษากลยุทธ์การเทรดของตัวเองเพื่อนำไปเขียน code เพื่อใช้โรบอทเทรด นายโจ จึงสร้างรหัสแบบ “ ดูเท่านั้น” ขึ้นมา เมื่อเอาไปให้นางเจน นางเจนจะสามารถ Login เข้ามาได้ แต่จะได้แค่ดูเท่านั้น ไม่สามารถซื้อขาย หรือทำอะไรอย่างอื่นได้ เป็นต้น
- Server: เลือก Server โดยข้อมูลของ Server จะอยู่ในรายละเอียดของบัญชีที่ขึ้นอยู่กับโบรก
ยกตัวอย่าง ภาพด้านบนคือข้อมูลบัญชีของ Account จากโบรก Exness โดยเราจะสามารถนำข้อมูลมาใส่ได้อย่างภาพด้านล่างดังนี้
วิธีเช็คว่า Login สำเร็จหรือไม่ จะสามารถเช็คได้ตามภาพด้านล่างคือ
- เมื่อ Login เข้ามาสำเร็จ หน้าตาเทรดเทอร์มินัลการซื้อขายจะปรากฏแบบรูปภาพด้านล่างพร้อมแสดง tab “Trade” และจะโชว์ข้อมูล Balance ของบัญชีเทรดที่ถูกนำมา Login อย่างไรก็ตาม หาก Login เข้าไม่ผ่าน หน้าเทรดเทอร์มินัลจะไม่มี tab “Trade” นี้
- เมื่อ Login เข้ามาสำเร็จสัญญาณเทรดจะขึ้นเป็นสีเขียวตามภาพด้าน แต่ในกรณีที่ไม่สำเร็จ จะแสดงเป็นสัญลักษณ์กลมๆสีแดงมีขีดสีขาวตรงกลางใน MT5 และจะขึ้นเป็นสัญญาณสีแดงใน MT4
โดยสามารถดูสาเหตุของการ Login ไม่สำเร็จได้ที่ tab “Journal” หากขึ้น Invalid Account นั่นแปลว่า อาจจะมีข้อมูลบางอย่างที่ต้องกรอก (Login, Password และ Server) ผิด
Function หลักที่ควรรู้ของ MT4 & MT5
ฟังก์ชั่นหลักที่ควรรู้นั่นมี 3 อย่างนั่นคือ
- Market Watch
- Navigator
- Tool Box/Terminal
ซึ่งโดยปกติแล้ว เมื่อ Login เข้ามา ระบบก็จะเรียกฟังก์ชั่นทั้ง 3 ขึ้นมาโดยอัตโนมัติ แต่ถ้าหากใครไม่มีฟังก์ชั่นเหล่านี้ หรือเผลอไปกดปิด สามารถเรียกกลับมาใหม่ได้โดยกดเมนู “view” ด้านขวาบน และเลือกฟังก์ชั่นที่อยากให้กลับโชว์ได้
Function Market Watch
Market Watch ใน MT5 จะมี 4 tab หลัก นั่นคือ
- Symbol*: tab นี้จะแสดงสัญลักษณ์ของคู่ที่เราตั้งไว้ เพื่อดูความเคลื่อนไหวของราคา โดยจากภาพด้านบนจะเห็นได้ว่า ตั้งไว้ให้แสดงทั้งหมด 5 สัญลักษณ์ นั่นคือ EURUSD, GBPUSD, USDCHF, USDJPY และ XAUUSD
- Detail: ใน tab นี้จะแสดงถึงข้อมูลรายละเอียดของคู่สัญลักษณ์ที่เราได้กดคลิกไว้จากหน้า symbol โดยหน้านี้จะแสดงสัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างเช่น ราคา bid/ask ราคาเปิด ราคาปิด เป็นต้น
- Trading: ใน tab นี้คือแท็บที่สามารถเทรดได้จากสัญลักษณ์ที่เลือกไว้ในหน้า symbol โดยจะมีปุ่ม sell และ buy โดยสามารถคีย์จำนวน lot ที่ต้องการเทรดลงไปได้เลย
- Tick*: ภาพของกราฟที่เลือก
*ใน MT4 จะมีแค่แท็บ Symbols และ Tick
การเพิ่มสัญลักษณ์ในแท็บ Symbols ของ Market Watch
ฟังก์ชั่น Market Watch แปลตรงตัวก็คือ ตัวที่เรากำลัง “ดู” อยู่ ดังนั้นภายใต้แท็บ Symbols คุณสามารถเลือกสัญลักษณ์ให้โชว์ได้เพื่อจะได้ติดตามราคาตลอด จากภาพจะเห็นได้ว่า มีสัญลักษณ์ 5 อันที่เซตให้โชว์ไว้ อย่างไรก็ตามวิธีการเพิ่มสัญลักษณ์นั้นสามารถทำได้ 2 วิธีดังนี้
- เลื่อนเมาส์ไปคลิกที่บริเวณที่เขียนว่า “click to add” (ใต้ xauusd) แล้วพิมพ์สัญลักษณ์ที่ต้องการให้โชว์ใน Market Watch แล้วกด enter ได้เลย
- นำเมาส์ไปวางในบริเวร Market Watch แล้วคลิกขวา จากนั้นเลือก “symbols” เมื่อคลิกเข้ามาแล้ว ก็สามารถคลิกเลือกคู่ที่ต้องการให้แสดง จากนั้นคลิก “Show Symbol” ด้านล่างซ้ายตามภาพด้านล่าง
การลบสัญลักษณ์ในแท็บ Symbols ของ Market Watch
ในกรณีที่ Market Watch โชว์คู่เงินที่ไม่ต้องการให้โชว์อีกต่อไป เราก็สามารถลบออกจากหน้าต่างนี้ได้โดยที่ คลิกขวาที่คู่สัญลักษณ์นั้น และ “hide” เพื่อลบตัวที่ไม่ต้องการ หรือ “hide all” เพื่อลบทุกสัญลักษณ์ที่แสดงอยู่ตอนนี้ออกจาก Market Watch
Function Navigator
จากภาพจะเห็นได้ว่าเมนูภายใต้ Navigator ของ MT5 จะเยอะกว่า MT4 ถึง 4 ตัว โดยเมนูที่เทรดเดอร์มือใหม่จำเป็นต้องรู้นั่นคือ Accounts และ Indicators นั่นเอง โดยภายใน Account จะโชว์รายละเอียดของบัญชีที่เราใช้ Login เข้ามา และภายใน Indicators จะแสดงอินดิเคเตอร์ที่สำคัญๆที่สามารถนำมาใช้ประกอบการเทรดโดยการเลือกกดอินดิเคเตอร์นั้น และลากเข้ามาในกราฟเพื่อใช้งานได้เลย
Function Tool Box/Terminal
สาเหตุที่มีสองชื่อคือ ฟังก์ชันนี้จะถูกเรียกว่า Tool Box ใน MT5 แล้วถูกเรียกว่า Terminal ใน MT4 นั่นเอง โดยเมื่อเทียบแท็บทั้งหมด จะเห็นได้ว่ามีแท็บใกล้เคียงกัน
โดยข้อมูลที่เทรดเดอร์มือใหม่ควรจะรู้คือ
- Trade: แสดงข้อมูลที่เกี่ยวกับการเทรดของเรา หากมี position เปิดอยู่ ในหน้านี้ก็จะบอกถึงคู่ที่เทรด ราคาที่เข้า ราคาปัจจุบัน และผลกำไร นอกเหนือจากนี้ยังแสดงเงินคงเหลือ (Balance), Equity และ Margin
- History/Account History: แสดงข้อมูลการเทรดทั้งหมดในอดีตที่เกิดขึ้นจากเทรดและการฝากถอน ยกตัวอย่างเช่น
- เวลาที่ทำธุรกรรมนั้น (ปกติจะเป็นเวลา Server ไม่ใช่เวลาไทย)
- คู่ที่เทรด
- ราคาที่เข้าและออก
- กำไร/ขาดทุน และ % เมื่อคิดเป็นสัดส่วนทั้งหมดของบัญชีเทรดนั้น
- เงินฝาก
- เงินถอน
Wrapping Up
ทั้งโปรแกรมเทรด MT4 และ MT5 คือ Platformที่มีฟังก์ชั่นให้เทรดมากมาย ซึ่งเทรดเดอร์ควรจะสละเวลาไปศึกษาแต่ละเมนูอย่างละเอียดก่อนใช้งานเพื่อให้มีความคุ้นชินกับแพลตฟอร์มและเข้าใจการทำงานของระบบเพื่อการเทรดที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งแต่ละโบรกเกอร์ ก็จะให้บริการแพลตฟอร์ทที่ต่างกันไป บางเทรดสามารถเทรดได้ทั้ง MT4 และ MT5 บางโบรกเทรดได้แค่อันใดอันหนึ่ง ดังนั้น เทรดเดอร์ควรเลือกโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือเป็นสิ่งตั้งต้น หลังจากนั้นค่อยมาศึกษาทีหลังเพื่อที่จะได้เลือกว่าการใช้งานของคุณจะเหมาะกับแพลตฟอร์มไหนที่สุด
ศึกษาโบรกเกอร์ได้ >> ที่นี่ <<