ประเด็นสำคัญ
– อัตราการปลดพนักงานในเดือนปัจจุบันนี้อยู่ที่ 89,703 คน โดยคิดเป็นอัตราส่วนที่เพิ่มขึ้น 15% จากเดือนกุมภาพันธ์
– อัตราการปลดพนักงานโดยรวมในปีนี้เพิ่มขึ้นมากถึง 270,416 คน โดยเพิ่มขึ้นมากถึง 396% จากช่วงเดียวกันในปีก่อน
– บริษัทเทคยักษ์ใหญ่หลายเจ้าประกาศปลดพนักงานไปถึง 102,391 คน ในปี 2023 นี้ นั่นเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจถึง 38,487% จากปีก่อน ในปีนี้กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีได้ทำการลดพนักงานเรียบร้อยแล้ว และเป็นจำนวนที่มากกว่า 5% ของอัตราตัวเลขที่เคยปลดพนักงานในทั้งปี 2022 มากไปกว่านั้น
– รายงานกล่าวว่าตลาดมีแนวโน้มว่าปลดพนักงานเพิ่มขึ้นอีก และตัวเลขอาจจะเกินปี 2001 ซึ่งเป็นปีที่แย่ที่สุดหลังเกิด Dot Com Crisis
บริษัทต่างๆประกาศว่าได้ลดจำนวนพนักงานไปเกือบ 90,000 คนในเดือนมีนาคม โดยมีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากเดือนก่อนหน้าและเป็นการเร่งความเสียหายจากปีก่อนโดยตัวบริษัทผู้ให้บริการเรื่องการโยกย้ายตำแหน่งงาน Challenger, Gray & Christmas รายงานว่า จำนวนคนที่ถูกลดจำนวนเป็น 89,703 คนในช่วงนั้น โดยเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และสูงขึ้นถึง 396% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีก่อน
แล้วเกิดอะไรขึ้น ? ความสัมพันธ์ระหว่าง “ลูกจ้าง” กับ “นายจ้าง” จะมุ่งไปทางไหน?
เมื่อโควิดระบาดหนักในช่วงปี 2020 มันจุดประกายให้ความคิดเรื่อง WFH (Work From Home) ให้เฟื่องฟู หลังจากนั้นประมาณหนึ่งปี ผู้คนต่างมองเห็นโอกาสจากการทำงานที่บ้าน ประกอบกับ ความเหนื่อยล้า และความวิตกกังวลในการทำงาน ทำให้เกิดการลาออกครั้งใหญ่ หรือปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “The Great Resignation” ซึ่งอัตราการลากออกมีจำนวนที่สูงเป็นประวัติการณ์ของผู้ออกจากงานตั้งแต่เริ่มเกิดการระบาดใหญ่ของ COVID-19 บริษัทต่างๆเริ่มกังวลและเริ่มเรียกพนักงานของตนกลับไปเข้าออฟฟิส แต่ “ไม่ใช่ทุกคนที่มีความสุข” ดังนั้นจึงเกิดการ “ให้ออกอย่างเงียบๆ” นั่นหมายความว่า คนอยากออกก็มีเยอะ เพราะไม่มีความสุขกับการกลับมาทำงานแบบปกติอีกต่อไป
ในขณะเดียวกับ กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีเผชิญกับภาวะที่ยากลำบากที่เอื้อหนุนในการเติบโตหลายปีติดต่อกัน ดังนั้นการจ้างงานจึงเปลี่ยนจากสภาวะ “ให้ออกเงียบๆ” เป็น “ให้ออกอย่างรู้กันทั่วโลก”
พนักงานในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีจำนวน 200,000 คนถูกเลิกจ้างในสหรัฐอเมริกาในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ตามรายงานของ Layoffs.fyi ซึ่งเป็นเว็บไซต์ติดตามการเลิกจ้างในอุตสาหกรรม การเลิกจ้างงานในวงกว้างนี้ ไม่เว้นแม้แต่กระทั้งพนักงานระดับสูงและผู้จัดการอาวุโสทั้งในบริษัทขนาดใหญ่และขนาดเล็ก “เราจ้างงานเพื่อเศรษฐกิจที่แตกต่างจากที่เศรษฐกิจเราเผชิญอยู่ทุกวันนี้” Sundar Pichai – CEO Google กล่าวกับพนักงานในบันทึกของการประกาศเลิกจ้างงาน
การปลดพนักงานยังเกิดขึ้นเนื่องจากบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่อย่าง Google เนื่องจากมีการเปลี่ยนมาใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) อย่างกว้างขวาง แต่การขยายการลงทุนในช่วงต้นมาพร้อมกับ “ทางเลือกที่ยากลำบาก” Sundar Pichai กล่าว
การปรับลดงานจะส่งผลต่อพนักงานทั่วทั้งบริษัทแม่ Alphabet และทั่วทั้ง “ผลิตภัณฑ์ หน้าที่ ระดับ และภูมิภาค” เขากล่าว
นอกจากการปลดพนักงานในกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่แล้ว ยังมีการปลดพนักงานในวอลล์สตรีทด้วย Goldman Sachs กล่าวว่า บริษัทกำลังวางแผนที่จะเลิกจ้างพนักงานประมาณ 3,200 คน ซึ่งเป็นการลดครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งนับตั้งแต่วิกฤตการเงิน (Subprime Crisis) ในปี 2008