แนวรับ และ แนวต้าน คือ หลักการ ที่มีความสำคัญอย่างมากในการวิเคราะห์เชิงกราฟเทคนิค เพราะว่าหลักการนี้มีอิทธิพลส่งเสริมความน่าจะเป็นสำหรับการเคลื่อนไหวของราคา เนื่องจาก แนวรับ และ แนวต้าน สามารถนำมาวิเคราะห์ หาระดับหรือโซนของราคาที่มีนัยสำคัญ ต่อพฤติกรรมแรงซื้อและแรงขาย
แนวรับและแนวต้าน ทำงานอย่างไร?
แนวต้าน คือ อะไร
แนวต้าน คือ บริเวณ หรือ โซนของราคาที่เต็มไปด้วยแรงขายที่มีโอกาสจะป้องกันไม่ให้ราคานั้นปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งหมายความว่า โดยทั่วไปแล้วเมื่อราคาเคลื่อนที่มาถึงจุดที่เป็นแนวต้านสำคัญนั้น มักจะมีโอกาสที่ราคาจะหยุดชะงักอยู่จุดบริเวณแนวต้าน หรือ ปรับตัวลดลง เนื่องจากปกติแล้วบริเวณแนวต้านที่สำคัญจะมีแรงขายออกมา นั้นจึงเป็นสาเหตุที่ทำไม เทรดเดอร์บางคนจึงเลือกที่จะทำกำไรหรือขายในบริเวณแนวต้าน
แต่ถ้าหาก แนวต้านนั้นถูกทำลาย หรือ ผ่านทะลุขึ้นไปได้ ก็เปลี่ยนจากแนวต้านกลายเป็นแนวรับ ดังภาพตัวอย่างด้านล่างนี้ ที่จะเห็นได้ว่าโซนบริเวณ 1980 นั้นได้เคยทำหน้าที่เป็นแนวต้านสำคัญ แต่พอเมื่อราคาสามารถปรับตัวผ่านโซนนี้ไปได้แล้ว จึง เปลี่ยนพฤติกรรมมาเป็นแนวรับแทน
แนวรับ คือ อะไร
แนวรับ คือ ช่วงระดับราคาที่มีพฤติกรรมตรงกันข้ามกับแนวต้าน ซึ่งหมายความว่า เมื่อราคาอยู่ในโซนบริเวณแถวแนวรับควรจะมีแรงซื้อเข้ามา เพื่อพยายามจะคงราคาไม่ให้ตกลงมาต่ำกว่าระดับนั้น พฤติกรรมนี้จึงมีโอกาสทำให้หยุดปรับตัวลดลงและอาจจะกลับตัวเป็นปรับตัวกลับขึ้นไปแทน แนวรับนี้จะเป็นบริเวณราคาที่เทรดเดอร์เลือกกำหนดกลยุทธ์ซื้อ
เช่นเดียวกันกับแนวต้าน แนวรับจะเปลี่ยนเป็นแนวต้านหากถูกทำลาย หรือ ทะลุลงไปได้ ดังภาพตัวอย่างด้านล่างนี้ จะเห็นได้ว่า โซนราคา 110 และ 105 เคยเป็นแนวรับในอดีต แต่เมื่อราคานั้นทะลุผ่านลงไปแล้วจึงเปลี่ยนมาเป็นโซนแนวต้านแทน
วิเคราะห์ แนวรับและแนวต้าน อย่างไร?
การวิเคราะห์แนวรับและแนวต้าน นั้นมีอยู่มากมายหลายวิธี จากหลากหลายเครื่องมือ เช่น Fibonacci, EMA, Volume Analysis, หรือ จาก พฤติกรรมราคาในอดีต แต่บทความนี้จะนำเสนอเฉพาะเครื่องมือที่ได้รับความนิยมสูงดังนี้
แนวรับและแนวต้าน จากพฤติกรรมราคาในอดีต
ซึ่งวิธีการวิเคราะห์แนวรับและแนวต้าน ที่นิยมใช้กันเป็นอย่างมากนั้นก็คือ การวิเคราะห์โดยพฤติกรรมราคาในอดีต ในรูปแบบที่คล้ายๆกับตัวอย่างด้านบน โดยการมองเป็นโซน หรือ แนวราคาในแนวนอน แต่วิธีนี้ไม่ได้มีเพียงแค่การมองแนวในแกนแนวนอนอย่างเดียว บางครั้งเทรดเดอร์ก็จะใช้การตีเส้นแนวโน้ม (Trendline) หาจุดที่ทำการสัมผัสกับเส้นแนวโน้มมากที่สุดเป็นแนวรับ และ แนวต้าน ดั่งภาพตัวอย่างนี้
พฤติกรรมของแนวรับและแนวต้านในรูปแบบเส้น Trend line จะทำหน้าที่เหมือนกับ แนวรับ/แนวต้านในแกนแนวนอนเลย ซึ่งนั้นก็คือ เมื่อราคาผ่านแนวต้านขึ้นไปได้ก็จะทำหน้าที่ใหม่เป็นแนวรับแทน และ เมื่อราคาสามารถเคลื่อนตัวทะลุลงผ่านแนวรับมาได้ แนวรับนั้นจะเปลี่ยนเป็นแนวต้านในอนาคตทันที
แนวรับและแนวต้าน จาก EMA
อีกหนึ่งเครื่องมือที่ได้รับการยอมรับสูงในเรื่องของการหาแนวรับแนวต้านก็คือ EMA จะเห็นได้จากภาพว่า ก่อนที่ราคาจะเกิดการกลับตัวเป็นขาขึ้น จะไม่สามารถผ่านแนวต้านเคลื่อนที่ ของ 200-day EMA ได้เลย แต่พอเมื่อผ่านแล้วก็เกิดการกลับตัวขึ้นอย่างรุนแรง และต่อมาเส้นนี้ก็ได้ทำหน้าที่เป็นแนวรับแทนในจังหวะที่ราคากำลังเคลื่อนที่ลดลงมา
สรุป
โดยสรุป การวิเคราะห์ แนวรับ และ แนวต้าน คือ หลักการที่สำคัญและจำเป็นอย่างมากในการวิเคราะห์กราฟเชิงเทคนิค เพื่อที่จะหาจังหวะเทรดไปพร้อมกันกับการจำกัดความเสี่ยง ซึ่งการที่เทรดเดอร์สามารถแยกแยะ หรือ หาแนวรับและแนวต้านสำคัญได้นั้น จะทำให้เพิ่มโอกาสความแม่นยำในการเทรด หรือ คุมความเสี่ยงได้อย่างรัดกุมมากขึ้น อย่างไรก็ตามการวิเคราะห์แนวรับและแนวต้านนั้นต้องพึ่งประสบการณ์ของเทรดเดอร์สูง เทรดเดอร์จึงต้องใช้เวลากับเครื่องมือนี้เป็นเวลานานก่อนที่จะสามารถวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำมากขึ้น